ประวัติพันเอกหญิง (พิเศษ) คุณหญิงอรชร คงสมพงษ์

ชื่อ พันเอกหญิง (พิเศษ) คุณหญิงอรชร คงสมพงษ์
ยศทหาร พันเอกหญิง (พิเศษ)
ตำแหน่ง ข้าราชการบำนาญ สังกัดกระทรวงกลาโหม
บิดา ร้อยตำรวจตรี ไชย ปาณะโตษะ
มารดา นางชะอุ่ม ปาณะโตษะ
สมรสสามี ร้อยโทสุนทร คงสมพงษ์ (ปี 2502)
พลเอก (ปี 2530)
พลเรือเอก, พลอากาศเอก (ปี 2532)
บุตร 1. พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์
2. พลตรี ณัฐพร คงสมพงษ์
การศึกษาในประเทศ โรงเรียนสวนสุนันทาวิทยาลัย (ปี 2494)
โรงเรียนสตรีวัดระฆัง (ปี 2497)
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ปีการศึกษา 2500)​
วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรภาครัฐร่วมเอกชน รุ่นที่ 3 ปี 2533
การศึกษาขณะรับราชการทหาร
โรงเรียนผู้บังคับหมวด
โรงเรียนผู้บังคับกองร้อย รุ่นที่ 4 ปี 2507
โรงเรียนผู้บังคับกองพัน
โรงเรียนการประชาสัมพันธ์ฝ่ายอำนวยการของสำนักนายกรัฐมนตรี รุ่นที่ 9 (ปี 2511)
การศึกษาต่างประเทศ
  • INSTRUCTOR COURSE
  • REFRESHER COURSE ON THE JOB TRAINING LANGUAGE SCHOOL
    (LACK LAND AIR FOR CE BASE TEXAS U.S.A.)

ประวัติการทำงาน

1. งานในหน้าที่ราชการทหาร

  • ว่าที่ร้อยตรีหญิง (ปี 2501) เหล่าสารบรรณ กรมการทหารสื่อสาร
    เป็นโฆษกหญิงคนแรกของสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 สนามเป้า
  • บรรณาธิการข่าวในประเทศและต่างประเทศ
    (หลังจากสมรสกับ ร้อยโทสุนทร คงสมพงษ์ แล้ว)
  • อาจารย์สอนภาษาอังกฤษ กรมยุทธศึกษาทหารบก
  • SUPER VISOR ผู้กำกับหลักสูตรการสอนภาษาที่กรมยุทธศึกษาทหารบก และประสานงานกับ JUSMAG ด้านการสอนภาษาอังกฤษ (AMERICAN ENGLISH) ให้แก่นายทหารในกองทัพบกที่สอบชิงทุนไปเรียนต่างประเทศ
  • หัวหน้าแผนกวิชาทั่วไป โรงเรียนการบินทหารบก ศูนย์การบินทหารบก จังหวัดลพบุรี
  • ประจำแผนกช่วยราชการ กอรมน. กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (สวนรื่นฤดี) ในด้าน อพป. (อาสาพัฒนาและป้องกันตนเอง) ซึ่งทางราชการให้เร่งแผนพัฒนาและนำกระทรวงหลัก 6 กระทรวง เข้าร่วมทำงานที่สวนรื่นฤดี มีการประกวดหมู่บ้านในระดับจังหวัด ได้เป็นกรรมการร่วมตัดสินให้รางวัล 1 ล้านบาท สำหรับหมู่บ้านที่ได้รับคัดเลือกในระดับจังหวัด

 

2. งานด้านการกุศล (ทำควบคู่ไปในระหว่างรับราชการทหาร)

ขณะดำรงตำแหน่งอุปนายกสมาคมแม่บ้านกองบัญชาการทหารสูงสุด ทำการแทนนายกสมาคมแม่บ้าน (อุปนายก ปี 2530 – 2533) ได้เป็นผู้ให้แนวความคิดเน้นหนักในด้านการบำรุงขวัญและกำลังใจครอบครัวทหาร จัดการฝึกอบรมอาชีพเสริมให้แม่บ้านโดยให้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ให้ทุนการศึกษาแก่บุตรข้าราชการทหารที่เรียนดีอย่างต่อเนื่องทุกปี

ในตำแหน่งนายกสมาคมแม่บ้านกองบัญชาการทหารสูงสุด (ปี 2533 – 2535) ได้รวบรวมสมาคมแม่บ้านกระทรวงกลาโหม, สมาคมแม่บ้านกองทัพบก, สมาคมแม่บ้านกองทัพเรือ, สมาคมแม่บ้านกองทัพอากาศและสมาคมแม่บ้านตำรวจ ขณะนั้นกล่าวได้ว่าทหาร ตำรวจ มีการผนึกกำลังกันอย่างมั่นคง มุ่งเสริมสร้างงานกุศล ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดทุกจังหวัด จะเห็นได้จากการจำหน่ายดอกไม้ป๊อปปี้ช่วยมูลนิธิสงเคราะห์ครอบครัวทหารผ่านศึก การจำหน่ายดอกบัวบูชาในวันวิสาขบูชา ช่วยงานศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ซึ่งมีสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาปรินายกเป็นองค์ประธาน ขณะนั้นดอกบัวยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายนัก ได้ริเริ่มทำการประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบทั้งทางหนังสือพิมพ์ วิทยุ (ออกพูดในรายการ “คุยกันที่ชานเรือน” ของวิทยุ 919) และทางวิทยุทหาร ตำรวจ ตลอดจนริเริ่มการวางแผนจำหน่ายดอกบัวเป็นพาน เนื่องจากได้ฝึกแม่บ้านไว้แล้วจึงให้มาจัดพานดอกบัว เอากลยุทธ์การตลาดในเชิงการจัดจำหน่ายมาใช้อย่างได้ผลเพราะการจำหน่ายทีละดอกๆ ละ 5 บาท (สมัยนั้น ปี 2530) นานมากกว่าจะได้เงินล้าน กลยุทธ์นี้ได้ผลเพราะสถิติการจำหน่ายดอกบัวได้เงินหลานล้านมากมาย (จำหน่ายปีละ 1 วัน ตามที่เราท่านทราบกันอยู่)

 

เยี่ยมประชาชนที่ประสพอุทกภัยจากใต้ฝุ่นเกย์ อย่างทันควัน (คือน้ำยังท่วมอยู่) แจกของใช้ที่จำเป็นในการยังชีพ และติดจตามผลตามลำดับ จนถึงขั้นที่ทางราชการสร้างที่พักอาศัย สร้างโรงเรียนและให้พื้นที่ทำการเกษตร (ติดตามผลอย่างต่อเนื่อง 3 – 4 ปี)

  • จัดแข่งขันแรลลี่กรุงเทพฯ – ตาก นำเงินช่วยโครงการ “อีสานเขียว”
  • จัดคอนเสิร์ตช่วย “อีสานเขียว” ซึ่งโครงการนี้เป็นพระราชปรารภของพระบาทสมเด็จ
  • ช่วยงานมูลนิธิโรคไต และได้รับพระราชทานเข็ม “สว.” ทองคำ จากพระหัตถ์ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (สมเด็จย่า ที่ทุกคนเทิดทูน)
  • ช่วยงานกาชาด ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2501 จนปัจจุบันได้รับพระราชทานเหรียญกาชาดสรรเสริญ และเหรียญกาชาดสมนาคุณชั้นที่ 1 จากพระหัตถ์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ

นโยบายและอุดมการณ์ในการทำงาน

1. ด้านที่เป็น นายทหาร พันเอก (พิเศษ) หญิง

  • รักษาระเบียบวินัย และแบบธรรมเนียมทหารอย่างเคร่งครัด
  • มีรุ่นน้อง รุ่นพี่ มีความสามัคคี เอื้ออาทรต่อกัน
  • รู้จักผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นอย่างดี จึงมอบหมายงานได้อย่างเหมาะสม
  • ซื่อสัตย์ จงรักภักดีต่อ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แม้เอาชีวิตเข้าแลก
  • การทำงานมีเป้าหมาย มีแผนงาน มีการดำเนินการตามแผนเป็นขั้นตอน มีการหาข่าว (ข่าวกรอง) มีการติดตามการดำเนินงานเป็นระยะๆ และข้อสุดท้ายคือการกำกับ ดูแล และพร้อมปรับเปลี่ยนแผน หรือแก้ปัญหาให้ผู้ใต้บังคับบัญชา ทั้งนี้เพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างสมบูรณ์ และเป็นไปตามเจตนารมณ์ของผู้บังคับบัญชา

2. ด้านที่เป็นในฐานะพลเรือนอุปนายกและนายกสมาคมแม่บ้านกองบัญชาการทหารสูงสุด

เป็นเวลา 5 ปี (พ.ศ. 2530 – 2535) นอกจากที่กล่าวมาในข้อ 1. ที่เป็นนายทหารแล้ว ในการทำงานกับพลเรือน (พ่อค้า ประชาชน และบุคคลในวงสังคม) ยังต้องเพิ่มเติมสิ่งเหล่านี้อีก

  • ความอ่อนน้อมต่อคนทั่วไปที่เห็นควร
  • ยกย่องให้เกียรติผู้อื่นตามฐานะ
  • พยายามจดจำชื่อและนามสกุล
  • ตระหนักอยู่เสมอว่างานที่สำเร็จได้นั้น เพราะได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทุกคน มิใช่ฝีมือเราคนเดียว
  • งานการกุศลเป็นงานที่ต้องตั้งใจทำด้วยความรักที่จะทำ เสียสละเวลาแม้แสนจะเหน็จเหนื่อย เสียสละทุนทรัพย์ส่วนตัวโดยไม่หวังผลตอบแทนในรูปแบบใดๆ ทั้งสิ้น ใครเห็นก็เห็น ใครทราบก็ทราบ ใครรู้ก็รู้ เมื่อมีความรู้สึกเช่นนี้แล้วเราจะทำงานการกุศลได้ยาวนาน และด้วยความสบายใจ
  • มีความโปร่งใส ไม่ด่างพร้อย รักษาชื่อเสียง เกียรติยศให้คงอยู่ตลอดไป

ความสำเร็จในชีวิตการทำงาน

  • ได้รับพระราชทานยศ พันเอกหญิงพิเศษ (เป็นยศสูงสุดที่ผู้หญิงจะได้ในสมัยนั้น)
  • ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตระกูลมงกุฎ, ตระกูลช้างเผือก และจุลจอมเกล้า
  • มีความภาคภูมิใจที่ลูกน้องและ/หรือเพื่อนร่วมงาน ยังแวะเวียนไปมาหาสู่ ไม่ขาดสาย แม้จะเกษียณอายุราชการไปแล้วก็ตาม

สิ่งเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นความสำเร็จในหน้าที่การงานอย่างสูง